กองทุนเงินทดแทน
เพื่อเป็นกองทุนในการจ่ายเงินทดแทนนายจ้างให้แก่ลูกจ้าง ซึ่งประสบอันตราย เจ็บป่วย หรือตายเนื่องจากการทำงาน หรือป้องกันรักษาผลประโยชน์ให้แก่นายจ้างหรือเจ็บป่วยเป็นโรค ซึ่งเกิดขึ้นตามลักษณะหรือสภาพของงาน หรือโรคซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้าง
ขอบเขตการบังคับใช้
ให้นายจ้างซึ่งมีลูกจ้างทำงานตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป มีหน้าที่ต้องจ่ายเงินสมทบกองทุนลูกจ้าง
หมายถึง ผู้ซึ่งทำงานให้นายจ้างโดยได้รับค่าจ้างไม่ว่าจะเรียกชื่ออย่างไร แต่ไม่รวมถึงลูกจ้างซึ่งทำงาน เกี่ยวกับงานบ้านอันมิได้มีการประกอบธุรกิจรวมอยู่ด้วยการขึ้นทะเบียน
ให้นายจ้างที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป มีหน้าที่ขึ้นทะเบียนภายใน 30 วันการเรียกเก็บเงินสมทบและการคำนวณเงินสมทบ
ให้นายจ้างจ่ายเงินสมทบเป็นรายปี
- เงินสมทบให้คำนวณจากค่าจ้างที่จะต้องจ่ายให้แก่ลูกจ้างทั้งปี คนละไม่เกิน 240,000 บาทต่อปี
- กำหนดอัตราเงินสมทบตามความเสี่ยงภัยของกิจการของนายจ้าง
- เมื่อชำระเงินสมทบติดต่อกัน 3 ปีที่ 4 จะคำนวณหาอัตราการสูญเสีย เพื่อหาค่าอัตราเงินสมทบตามประสบการณ์ และนำมาเรียกเก็บในปีที่ 5 หากนายจ้างจัดให้ลูกจ้างมีความปลอดภัยในการทำงานจะได้รับการลดอัตราเงินสมทบ หากไม่ดูแลเรื่องความปลอดภัยจะต้องถูกต้องเพิ่มอัตราเงินสมทบ การเพิ่มหรือลดจะคิดเพิ่มลดจากอัตราเงินสมทบหลักของนายจ้าง
- นายจ้างที่ได้รับอนุญาตให้ผ่อนชำระเงินสมทบเป็นงวด จะต้องจ่ายเงินฝากไว้จำนวนร้อยละ 25 ของเงินสมทบโดยประมาณทั้งปีภายในเดือนมกราคมและจ่ายเงินสมทบเป็นรายงวด 4 งวด ภายในเดือนเมษายน กรกฎาคม ตุลาคม และมกราคมของปีถัดไป
- ภายในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปีนายจ้างต้องแจ้งจำนวนค่าจ้างทั้งหมดของปีที่ล่วงมาแล้วที่จ่ายจริงให้แก่ลูกจ้างตามแบบที่กำหนดเพื่อคำนวณเงินสมทบที่ถูกต้องและนำส่งเงินสมทบที่ชำระต่ำไปภายในวันที่ 31 มีนาคม ของทุกปี
เงินเพิ่ม
นายจ้างที่ไม่จ่ายเงินสมทบภายในกำหนดหรือจ่ายไม่ครบ ต้องเสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 3 ต่อเดือนของเงินสมทบที่ค้างชำระการคืนเงินนายจ้าง
นายจ้างที่จ่ายเงินสมทบ หรือเงินเพิ่มเกินกว่าความเป็นจริงจากสาเหตุต่าง ๆ ให้เจ้าหน้าที่แจ้งให้นายจ้างทราบ เพื่อมารับเงินส่วนที่เกินคืนไปเงินทดแทน
สิทธิได้รับเงินทดแทนภายหลังการสิ้นสภาพการเป็นลูกจ้างกรณีที่การเจ็บป่วยเกิดขึ้นภายหลังการสิ้นสภาพการเป็นลูกจ้างให้ลูกจ้างยื่นคำร้องขอรับเงินทดแทนภายใน 2 ปีนับแต่วันที่ทราบการเจ็บป่วย
การอุทธรณ์
หมายถึง เงินที่จ่ายเป็นค่าทดแทนการทำงาน ค่ารักษาพยาบาล ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพในการทำงานและค่าทำศพค่าทดแทนมี 4 ประเภท :-
- ค่าทดแทนกรณีลูกจ้างไม่สามารถทำงานได้ติดต่อกันเกิน 3 วัน จากการประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย
- ค่าทดแทนกรณีสูญเสียอวัยวะบางส่วนของร่างกาย
- ค่าทดแทนกรณีทุพพลภาพ
- ค่าทดแทนกรณีตายหรือสูญหาย
การอุทธรณ์
- นายจ้าง ลูกจ้าง หรือผู้มีสิทธิไม่พอใจคำสั่ง คำวินิจฉัย หรือการประเมินเงินสมทบของเจ้าหน้าที่ ให้มีสิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนภาย 30 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง คำวินิจฉัย หรือการประเมินเงินสมทบ ยกเว้น คำสั่งกรณียึด อายัด และขาดทอดตลาดทรัพย์สินของนายจ้าง
- ผู้อุทธรณ์ที่ไม่พอใจคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกองทุนฯ ให้มีสิทธินำคดีไปสู่ศาลแรงงานภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัย ถ้าไม่นำคดีไปสู่ศาลภายในกำหนดเวลา ให้คำวินิจฉัยของคณะกรรมการกองทุนฯ เป็นที่สุด
- ลูกจ้างหรือผู้มีสิทธิหรือนายจ้างยื่นอุทธรณ์หรือนำคดีไปสู่ศาลไม่เป็นการทุเลาการปฏิบัติตามคำสั่ง หรือคำวินิจฉัยของเจ้าหน้าที่หรือคณะกรรมการกองทุนฯ
บทกำหนดโทษ
นายจ้างผู้ใด :-
1. ไม่จัดให้ลูกจ้างซึ่งประสบอันตรยหรือเจ็บป่วยได้รับการรักษาพยาบาลทันทีตามความเหมาะสมหรือ2. ไม่จัดการศพของลูกจ้างซึ่งประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยจนถึงแก่ความตายโดยไม่มีผู้มาขอจัดการศพหรือ
3. ไม่ยื่นแบบลงทะเบียนจ่ายเงินสมทบแบบรายการแสดงรายชื่อลูกจ้าง และจ่ายเงินสมทบภายใน 30 วัน นับแต่วันที่นายจ้างมีหน้าที่ต้องจ่ายเงินสมทบหรือ
4. ไม่แจ้งการประสบอันตรย เจ็บป่วย หรือสูญหายของลูกจ้างต่อสำนักงานประกันสังคมตามแบบที่กำหนดภายใน 15 วัน นับแต่วันที่นายจ้างทราบ ให้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
5. นายจ้างผู้ใดไม่จ่ายเงินทดแทนตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ โดยไม่ได้ใช้สิทธิอุทธรณ์หรือไม่ได้นำคดีไปสู่ศาลภายในกำหนดเวลา ให้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
6. ผู้ใดเปิดเผยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกิจการของนายจ้างที่พึงสงวนไว้ไม่เปิดเผย ซึ่งตนได้มาหรือล่วงรู้ เนื่องจากการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติเงินทดแทนนี้ ให้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เว้นแต่เป็นการเปิดเผยเพื่อประโยชน์แห่งพระราชบัญญัตินี้ หรือเพื่อประโยชน์แก่การคุ้มครองแรงงานหรือการสอบสวนหรือการพิจารณาคดี
ผู้ใดไม่ปฏิบัติตาม :-
สั่งของคณะกรรมการกองทุน คณะกรรมการการพทย์ หรือคณะอนุกรรมการที่สั่งให้บุคคลที่เกี่ยวข้องหรือคณะอนุกรรมการที่สั่งให้บุคคลที่เกี่ยวข้องชี้แจง หรือส่งเอกสารสิ่งของข้อมูลที่จำเป็นมาพิจารณาคำสั่งของเจ้าหน้าที่ ที่มีหนังสือสอบถามหรือเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำ หรือให้ส่งหลักฐานที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำ หรือให้ส่งหลักฐานที่เกี่ยวข้องมาพิจารณา
ไม่อำนวยความสะดวกในการเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงในสถานประกอบการหรือที่ทำงานของลูกจ้างหรือการยึด อายัด ขายทอดตลาดทรัพย์สินของนายจ้ง ให้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
บรรดาความผิดตามพระราชบัญญัติเงินทดแทนนี้ ถ้าเจ้าพนักงาน (เลขาธิการ หรือผู้ว่าราชการจังหวัด) เห็นว่าผู้กระทำผิดไม่ควรได้รับโทษจำคุก หรือไม่ควรถูกฟ้องร้อง ให้มีอำนาจเปรียบเทียบปรับได้ ทั้งนี้ตามข้อกำหนดในกฎหมาย
คลิกอ่าน >>> สิทธิประโยชน์วิธีการส่งตัวลูกจ้างเข้ารักษาพยาบาล
คลิกอ่าน >>>สิทธิประโยชน์ค่ารักษาพยาบาล
คลิกอ่าน >>> หลักการปฏิบัติและหน้าที่ของนายจ้าง ลูกจ้าง
ที่มา: สำนักงานประกันสังคม
แสดงความคิดเห็น